วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หัวใจเรายิ้มได้




หากหัวใจเราเต้น 60 ครั้งต่อนาที
หนึ่งชั่วโมง หัวใจเราจะเต้น 3,600 ครั้ง
หนึ่งวัน หัวใจเราจะเต้น 86,400 ครั้ง
หนึ่งเดือน หัวใจเราจะเต้น 2,592,000 ครั้ง
หนึ่งปี หัวใจเราจะเต้น 31,536,000 ครั้ง...

ถ้าเราอายุ 30 ปี
หัวใจ เราเต้นมาแล้วทั้งหมด 946,080,000 ครั้ง

ถ้าเรามีอายุถึง 80 ปี
หัวใจ เราจะเต้นทั้งหมด 2,522,880,000 ครั้ง

หากเราไม่เคยดูแลหัวใจตัวเองเลย
กลับทำให้มันช้ำใจอยู่บ่อยๆ ก็เริ่มหันมาดูแลหัวใจตนเองบ้าง

คนที่รักใครไม่เป็น ใจก็จะแข็งเป็นหิน
ถ้ารักใครบ่อยเกินไป ประเภทใจง่าย หัวใจก็จะเจ็บง่าย
ถ้าหัวใจไม่จำ ชอกช้ำ แล้วยังชอบลอง
ก็ว่าไปตามทำนอง ของ “คนหัวใจสะออน”

โลก มีอยู่ สองแบบ
คือ
โลกภายนอก กับ โลกภายใน

"โลกภายนอก"
คือ
โลกที่เราเห็น หลังจากที่เราลืมตามามองเห็นมันทุกสิ่ง
โลกที่ทำให้เรานั้นหลงใหลไปตามสภาวะต่างๆ
กระแสข่าวต่างๆ แฟชั่นใหม่ๆ สิ่งยั่วยุต่างๆ นานา
ทั้งหมดทำให้เราไม่มีเวลาอยู่กับตัวเอง
เราอาจจะหลงลืมเรื่องราวหลายๆ เรื่อง ในชีวิต
เราอาจจะลืมคนหลายๆ คน ในชีวิตที่ผ่านมา

"โลกภายใน"
คือ
โลกที่อยู่ภายในจิตใจของตัวเราเอง
โลกที่เราไม่ได้ใช้ตามอง แต่เป็นโลกที่เราใช้ใจมอง
โลกที่เรามองเห็นตัวเราเอง เมื่อหลับตาลง
โลกที่อยู่ในความสงบ โลกที่ทำให้เรามองเห็น หัวใจของเรา เอง

หัวใจที่ช่วยเราต่อสู้มาทั้งชีวิต
หัวใจที่ทำให้เราเข้มแข็ง
หัวใจที่ไม่ย่อท้อ แม้อุปสรรคจะมากมายเพียงใด
จงขอบคุณหัวใจของคุณเองที่ทำให้คุณมีความสุข
จวบจนวันนี้

หัวใจมีขนาดเท่ากำปั้นมีสีแดง
อยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย
ลองใช้มันให้เกิดประโยชน์ดูบ้างก็ได้
สั่งให้มันรักคนอื่นให้มากหน่อย
รักครอบครัวให้มากขึ้น
รักเพื่อนให้เยอะๆ
รักสุขภาพตัวเอง

เมื่อไรที่คุณรู้สึกอิ่มเอิบใจ
แล้วคุณจะรู้ว่า "หัวใจเรายิ้มได้"

จาก  หนังสือ 40 Positive Thinking

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทำอย่างไรจะทำให้การศึกษาไทยก้าวหน้า



ทำอย่างไรจะทำให้การศึกษาไทยก้าวหน้า

 
การศึกษานั้นมาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย การศึกษามีทั้งที่ดีและที่ไม่ดี ขึ้นอยู่กับตัวของผู้เรียน เพราะการศึกษานั้นมีส่วนสำคัญคือ ผู้เรียน ผู้สอน และเนื้อหาการเรียนการสอน เพื่อที่จะทำให้เด็กนั้นพัฒนาขึ้นมา แต่ในสมัยอดีต ผู้สอนนั้นไม่คำนึงถึงเรื่องเนื้อหา แต่คำนึงถึงประสบการณ์การทำงานเป็นหลัก จึงทำให้เกิดการศึกษาแบบการลักจำ และการพัฒนาจากความทรงจำต่างๆเป็นระบบแบบแผน ทำให้การศึกษาไทยน้นหยุดนิ่งเพราะว่า การเรียนด้วยการจำนั้น มีข้อจำกัดในตัวของรูปแบบนี้เอง

ในปัจจุบัน การศึกษานั้นไม่เน้นถึงเนื้อหาที่หลากหลาย แต่เน้นที่ความเก่งเฉพาะด้าน ในการสอนนั้นก็ต้องมีครูผู้สอนที่เก่งเฉพาะด้านนั้นๆออกมาตามกัน ซึ่งเป็นไปได้ เพราะการศึกษาได้ถูกปรับใช้เข้ากับการทำงาน จึงเป็นไปได้ว่า การศึกษาด้วยการพัฒนาทักษะจะได้รับความนิยมสูงขึ้นในปัจจุบัน
ในอนาตค การศึกษาไม่จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียน การศึกษาอาจจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคคลไม่จำเป็นต้องมาเรียนในโรงเรียน หรือสถานที่ๆจัดไว้ให้ก็ได้ อาจจะเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นการทำให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลายไม่จำกัด
ในเมืองไทยนั้น ควรจะพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า ความฉลาดหลากหลาย หรือ พหุปัญญา ให้มากขึ้น เพราะการที่ผู้เรียนรู้เพียงเรื่องเดียวจะทำให้โลกทัศน์ของการศึกษานั้นแคบ ไม่เปิดกว้าง และพัฒนาไม่ได้ จึงคิดว่า การใช้พหุปัญญา (Multiple intelligence) เป็นตัวช่วยให้เกิดการพัฒนาการศึกษาไทยให้ก้าวหน้า
แต่ไม่เพียงการศึกษา ควรพัฒนาทางด้าน จริยธรรม ความดีของคนควบคู่ไปด้วย
ที่มา : ผู้มึนงงกับชีวิต  http://www.gotoknow.org/posts/253603

คลายเครียด...กับ...คำถามอะไรเอ่ย?


คลายเครียด...กับ...คำถามอะไรเอ่ย ?
1. กลมเป็นลำ จำให้ดี โคนมีขน มาทีหลังอยู่บนขนเกิดก่อน?

2. เก็บไว้ยิ่งเก่า เอามาใช้ใหม่วันคืน ?

3. กลมดังดวงจันทร์ กระแทกกระทั้นดันอยู่ใต้สะดือ?

4. กลม ๆ มัน ๆ มีงาหมื่นพัน แทงคนไม่เข้า ?

5. โก้งโค้งหลังงอ ทอหญ้าเป็นทุ่ง?

6. กินอยู่เมืองไทย ตัวมุดไปสิงคโปร์ ?

7. เกิดจากไข่ กินแต่ใบโตในถุง ออกจากถุงมีปีก?

8.กางออกเท่ากระด้ง หุบเท่ากระบอก ?

9. กัดเราก็แค่คัน ตัวมันเล็กแหย่เสือได้ วัว ควาย ขยาด?

10. เกาะอะไรลอยมาลอยไปอยู่ในทะเล ?

11. กวางถูกตัดหัวตัดหาง เหลือกลางเท่าไร?


12. เกิดมามีแต่ก้นกับหู ดูพิกุลคนไม่กลัว?

13. เกิดมาได้ชื่อว่าบุตรนาวา เติบโตมาน่ารำคาญ ?

14. ไก่เต็มคอกไม่ขัน คนนับพันไม่พูด ขี้กลารกขึ้นไม่ยอมอาบน้ำ?

15. กลม ๆ แบน ๆ สองแขนดันพุง?

16.เกิดมาจากมารดา แต่อาศัยในคงคา หน้าตาไม่เหมือนใคร?

17. กลมเกลี้ยงดังดวงจันทร์ดันพุงสาว ๆ?

18. กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ?

19. กลมเท่าลำขา มีตารอบตัว ?

20. กลางวันเก็บลงกระจาด กลางคืนดารดาษเต็มนภา ?


เป็นไงบ้างจ๊ะ

เรื่องของ ขี้จิ้งจก...กับ...คนขี้สงสัย


   เรื่องของ ขี้จิ้งจก... กับ....คนขี้สงสัย
(จากคำถามหนึ่ง นำไปสู่ความรู้มากมาย)
ในโรงเรียนต่างอำเภอ ห่างไกลตัวเมือง ครูในโรงเรียน
ได้ทำการสอนวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
อาคารเรียน ที่กำลังเรียนวิทยาศาสตร์อยู่นั้นเป็น
อาคารไม้ เก่า ผุพัง ลมมาก็เอนตามลม
ไม่นานก่อนจะพักเที่ยง มีเด็กคนหนึ่งมองไปเห็นจิ้งจกและขี้ของมันก็หล่นมาโดนหัวพอดี
เด็กก็เลยถามครูผู้สอน
ว่า..............
ทำไมขี้จิ้งจก สีดำ แต่ปลายมีจุดสีขาวครับ ??
แล้วทำไม ขี้จิ้งจกของคนถึงมีสีเดียว  ??

นายบอลได้ยินคำถามแล้ว หูผึ่ง เมื่อเห็นเด็กคนหนึ่ง กำลังถามผู้เป็นครู
ที่นายบอลสนใจ คือ คำถามที่ 2 เรื่องขี้จิ้งจกของคน !!!!
"ขี้จิ้งจกหนึ่งก้อน มีสองสีคือสีดำ กับสีขาว ที่อีกปลายนั้นน่ะ สีดำคืออุจจาระ ส่วนสีขาวคือปัสสาวะ โดยเวลามันถ่ายจะถ่ายออกมาพร้อมกัน ทางช่องทวารเดียวกัน สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปีกจะขับถ่ายเช่นนี้ เช่น
ขี้ตุ๊กแก จิ้งเหลน ขี้นก ซึ่งแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเรา ๆ "

"แล้วทำไม ปลายจุดถึงมีสีขาว ทำไมขี้คนไม่มีสีขาว"
"ในสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน ของเสียจากเลือดจะถูกแยกออกในรูปของแข็ง(สีขาว) แล้วถูกขับมารออยู่ที่ปลายทวาร เมื่ออุจจาระเคลื่อนมาถึงก็จะดันเอาก้อนปัสสาวะให้ออกมาด้วย
ก้อนปัสสาวะสีขาวนี้ คือ กรดยูริก จะถูกขับมารอที่ปลายทวารอยู่ตลอดเวลา เหมือนปัสสาวะของคนที่จะถูกกรองมาเก็บที่กระเพาะปัสสาวะตลอดเวลา แต่ในคนเป็นของเหลวมีปริมาณมากจึงต้องแยกช่องทางขับถ่ายต่างหากและต้องขับถ่ายออกมาบ่อยๆ ในสัตว์เลื้อยคลานปัสสาวะเป็นของแข็งปริมาณไม่มาก จึงไม่ต้องถ่ายบ่อยและรอขับถ่ายออกมาพร้อมอุจจาระได้"
นายบอลก็พึ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยะ
นายบอลหันไปมองหน้าครูผู้สอน

"แล้วทำไม ขี้จิ้งจกของคนถึงมีสีเดียว ??"
(ครู) "ขี้จิ้งจกที่ตกใส่ตัวคนเหรอ?"
"จุดดำแบบในรูป...นี้ และ ที่.....ครู ตะหากล่ะ...ครับ"

"เค้าเรียกว่า ขี้แมลงวัน จะคล้ายๆไฝ เป็นจุดดำเล็กๆ แต่ไม่เป็นตุ่มนูน
เหมือนไฝ

ขี้แมลงวัน เป็นจุดสีน้ำตาลเข้มกว่ากระ พบบริเวณใดของร่างกายก็ได้ เกิดจากการเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดสีและเม็ดสีในชั้นหนังแท้“

เด็กอีกคนถาม

"แล้วทำไม แมลงวันถึงมาขี้ใส่หน้าคนล่ะคะ  ที่มือก็มี เห็นแมงวันมาเกาะแป๊บเดียวเอง"
"ขี้แมลงวัน เกิดจาก เซลล์ที่สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง(ทำให้ผิวแต่ละคนมีสีเข้มต่างกัน) แบ่งตัวจนมีมากขึ้น หรือมีการสร้างเม็ดสีมากกว่าปกติ ทำให้เห็นจุดนั้นเข้มกว่าสี ไม่ใช่แมลงวันมาขี้ใส่นะ"

มารู้จัก "วิทยาศาสตร์กับความงาม"



มารู้จัก “วิทยาศาสตร์กับความงาม”

               สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาหนังสือเรียน และคู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ “วิทยาศาสตร์กับความงาม”  ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 
New Image3
               วิทยาศาสตร์ความงามนี้เป็นรายวิชาเฉพาะที่เน้นการนำความรู้พื้นฐานวิทยาศาสตร์ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง บนพื้นฐานจุดเน้นที่เป็นความต้องการหรือนโยบายขับเคลื่อนพัฒนากำลังคนของประเทศ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับความงามซึ่งมีผลตรงต่อสุขภาพของเยาวชนที่จะเป็นกำลังของประเทศในอนาคต  เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถคิด วิเคราะห์หาทางเลือกโดยอ้างอิงกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นำไปสู่แนวปฏิบัติการดูแลและปฏิบัติตนด้านความงามได้ถูกต้อง เหมาะสม ทั้งยังเป็นการสำรวจความถนัด ความสนใจของตนเอง เป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพและการศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้น 
image016
               ดร. พรพรรณ  ไวทยางกูร ผู้อำนวยการ สสวท.  กล่าวว่า รายวิชานี้มีเนื้อหาที่เน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความงามและสุขภาพ ปัจจัยที่ส่งเสริมความงามทั้งภายนอกและภายใน โครงสร้างร่างกายที่เกี่ยวข้องกับความงาม การใช้เครื่องสำอางในชีวิตประจำวันและเครื่องสำอางในท้องตลาด การใช้สมุนไพรในท้องถิ่นเพื่อความงามและสุขภาพ เทคโนโลยีเพื่อความงามและสุขภาพ แนวทางปฏิบัติเพื่อดูแลความงามตามธรรมชาติที่สมวัย  ที่สำคัญมุ่งส่งเสริมและปรับทัศนคติให้ เยาวชนไทยภูมิใจในความงามที่บรรพบุรุษให้มา  
               การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชานี้ยังได้กำหนดเป้าหมายให้นักเรียนได้รับการพัฒนาทั้งด้านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่รู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมอีกด้วย 
_MG_0104
               ก่อนหน้านี้ สสวท. ได้นำทั้งหนังสือเรียนและคู่มือครู รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์กับความงาม ไปทดลองใช้ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 5 แห่ง เพื่อประเมินคุณภาพของหนังสือเรียนและคู่มือครู ผลการวิจัย สรุปได้ว่า
               ครูที่ทดลองใช้หนังสือเรียนและคู่มือครูมีความเห็นว่า เนื้อหาสาระและกิจกรรมการเรียนรู้ในหนังสือเรียนเล่มนี้สามารถพัฒนาคุณภาพนักเรียนด้านความรู้ ด้านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ด้านความสามารถในการสื่อสาร ด้านการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ด้านกระบวนการคิด ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านความสามารถในการตัดสินใจ ด้านการแก้ปัญหา ด้านการใช้เหตุผล และ ด้านการพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้มีคุณธรรมและค่านิยมที่ถูกต้องเหมาะสม รายวิชานี้มีความเหมาะสมกับวัยของนักเรียน 
_MG_0282
               นักเรียนที่เรียนวิชานี้ ชอบกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชานี้  และมีความเห็นว่าวิชาวิทยาศาสตร์กับความงามน่าสนใจ เมื่อเรียนแล้วมีความรู้มากขึ้นในด้านความสำคัญของอาหารต่อความงามและสุขภาพ วิธีดูแลความงามและสุขภาพของตนเอง ผลที่เกิดจากการใช้เครื่องสำอางในชีวิตประจำวันอย่างไม่เหมาะสม และคุณค่าของสมุนไพรและภูมิปัญญาไทยในการช่วยดูแลรักษาความงามและสุขภาพ ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชานี้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันของนักเรียนได้จริง นักเรียนสามารถแนะนำผู้อื่นเกี่ยวกับการดูแลความงามและสุขภาพที่เหมาะสมกับเพศและวัยได้ นักเรียนตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางในชีวิตประจำวันโดยเปรียบเทียบคุณภาพกับราคาก่อนทุกครั้ง  นักเรียนมีความรู้ และสามารถตัดสินใจเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสมแก่เพศและวัยของตนเองได้อย่างเหมาะสม  
               นอกจากนี้บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และความงาม ได้ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ที่มีอยู่ ผ่านสื่อการเรียนรู้วิดีทัศน์ 5 ชุด ดังนี้ ชุดที่หนึ่ง ความงามที่สมวัย ชุดที่สอง ผิวหนัง ชุดที่สาม เส้นผม ชุดที่สี่ เครื่องสำอางสำหรับเส้นผม และชุดที่ห้า เครื่องสำอางสำหรับผิวหนัง ประกอบการเรียนการสอนวิชา “วิทยาศาสตร์กับความงาม” นำเสนอผ่านตัวละครที่เสมือนเป็นตัวแทนของนักเรียนและอธิบายความรู้ผ่านตัวการ์ตูนกราฟฟิกที่น่าสนใจ โดยทีมงานผู้จัดทำที่เชี่ยวชาญการใช้สื่อสมัยใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมอาสาสมัคร “รู้สู้ flood” ผู้ทำให้สื่อภาพกราฟฟิคซึ่งบ่งชี้ข้อมูล ความรู้ สถิติ หรือที่เรียกว่า infographic เป็นที่นิยมและได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะน่าสนใจและเข้าถึงง่าย

ที่มา : http://vcharkarn.com/varticle/57609